วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาเตรียมเอกสารสมัครทุนกัน

เลือกมหาวิทยาลัยที่ถูกใจได้แล้ว ก็มาเตรียมเอกสารกันค่ะ

ส่วนใหญ่แล้วทุกมหาวิทยาลัย  จะต้องการเอกสารสมัครประมาณนี้ค่ะ
1.       ใบสมัครทุนCSC  (สำคัญมาก จะอธิบายในตอนถัดไปค่ะ)
2.       ใบสมัครของมหาวิทยาลัย 
(อาจต้อง register เว็บไซต์มหาวิทยาลัย แล้วกรอกข้อมูลและ print ออกมา หรือเป็นแบบฟอร์มเปล่าๆ ให้ print ออกมาเขียน ซึ่งแล้วแต่ระบบของแต่ละมหาวิทยาลัย)
3.       Transcripts และ ใบรับรองวุฒิปริญญา (ภาษาอังกฤษ)
4.       Study plan  และ/หรือ Research plan
5.       หนังสือแนะนำตัว  จากอาจารย์ระดับรองศาสตราจารย์ขึ้นไป 2 ท่าน
6.       สำเนา passport
7.       ผลการตรวจร่างกาย (แบบฟอร์ม Physical Examination Record for Foreigner)
8.       ผลการสอบภาษา (ถ้ามี) เช่น   IELTS/TOELF หรือ HSK (กรณีเรียนเป็นภาษาจีน)
9.       Curriculum vitae (CV)  (ถ้ามี)
10.    Cover letter
11.    List of documents
12.     อื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ใบรับรองการทำงาน (ถ้ามี) หรือเอกสารอื่นที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนด ตามแต่สาขาวิชา

ข้อมูลต่างๆเหล่านี้จะอยู่ในหัวข้อ admission ซึ่งข้อมูลจะเป็นการรับสมัครแบบเดียวกับนักเรียนทั่วไปที่ไม่ได้ขอทุน เหมือนเรา ซึ่งบางมหาวิทยาลัยที่ขยัน update ข้อมูลมากๆหน่อย จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับทุนต่างๆไว้ให้ด้วย รวมถึงทุนcsc ของเรา รวมถึง deadline สำหรับทุนต่างๆด้วยค่ะซึ่งสำคัญมากค่ะตรงนี้ พวกบรรดาทุนต่างๆจะปิดรับสมัครเร็วกว่าการสมัครของคนทั่วไป เพราะฉะนั้นดูดีๆค่ะ เดี๋ยวเกินกำหนดรับสมัครทุนนะ

จะเห็นว่าหลายสิ่งต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมล่วงหน้าได้ก็ทำไปก่อนเลยค่ะ เช่น
-          Passport ใครยังไม่มี ก็ไปทำเตรียมไว้เลยค่ะ เพราะต้องกรอกเลขที่ passport ในใบสมัคร
-          Transcripts และ ใบรับรองวุฒิปริญญา เป็นภาษาอังกฤษ หรือจีน เท่านั้น  ให้ไปยื่นเรื่องขอที่มหาวิทยาลัยที่เราจบเลยค่ะ  (บางที่มีแบบขอผ่านเว็บ และโอนเงินผ่านธนาคารได้ก็สะดวกดีคะ รอรับที่บ้านอย่างเดียว) ใครจะต่อป.เอกก็ต้องมีขอ ป.ตรี และ ป.โท  สำหรับใครยื่นหลายมหาวิทยาลัยก็ขอมาให้เพียงพอ
-          Study plan  / Research plan  สำคัญมากค่ะ ต้องเตรียมเขียนดีๆ เพราะเป็นสิ่งที่อาจารย์จะเห็นภาพรวมในการขอทุนของเรา เราจบอะไรมา ประสบการณ์การเรียน การทำงานที่ผ่านมา จะเรียนอะไรต่อ สนใจด้านไหน ทำไมถึงอยากเรียนด้านนี้ มีประโยชน์อะไร จบไปทำอะไร  จะเห็นว่ามีความสำคัญมากๆ ซึ่งต้องเขียนให้รู้เรื่อง อ่านเข้าใจง่าย ค่ะ หากใครเขียนไม่เป็นไม่เข้าใจว่าต้องเขียนอย่างไร ลองไป search หาตัวอย่างดูค่ะ มีเพียบเลยค่ะ  และขอย้ำว่าอย่าลอกมานะคะ ให้เขียนด้วยตัวเอง เราเอาแค่แนวทางมาดูก็พอค่ะ แล้วให้คนอื่นที่เก่งภาษามากกว่าเราช่วยทบทวนให้ว่า grammar ผิดไหม อ่านรู้เรื่องหรือเปล่า และไม่ควรจะหลายหน้ามากเกิน  สำหรับเราเขียนไป 2 หน้าค่ะ เขียนเสร็จแล้วก็ให้พี่ๆน้องๆที่รู้จักช่วยดูให้ ก็มีผิด มีคำแนะนำหลายอย่าง ก็กลับมาแก้กันหลายรอบอยู่ เพราะฉะนั้น ตัวนี้จะใช้เวลามากๆค่ะ เลยอยากให้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ อีกอย่างต้องนำไปให้อาจารย์ที่เราจะไปขอให้เขียนจดหมายแนะนำเราดูด้วยว่าเรามีแผนนจะเรียนสาขานี้  แบบนี้ บลาๆๆๆๆ
-          หนังสือแนะนำตัว อันนี้ก็ลำบากค่ะ ต้องกลับไปขออาจารย์ที่เราเคยเรียนด้วย และอาจต้องร่างจดหมายแนะนำ ไปให้อาจารย์ท่านดูก่อน ปัญหาที่สำคัญกว่าคือ  อาจารย์ที่คณะที่เราจบมาหรืออาจารย์ที่รู้จักเราอาจไม่ได้เป็น รศ. เลยทำให้หา รศ. ไม่ถึง 2 ท่าน ทำไงดีล่ะสำหรับเราเองก็ไม่ได้เป็น รศ.ทั้ง 2 ท่าน  ที่ส่งไปเป็น รศ. 1 ท่าน (อาจารย์สมัจป.โท)  และ ผศ. 1 ท่าน แต่ ผศ.ท่านนี้เป็น advisor สมัย ป.ตรี  ตรงนี้จากประสบการณ์ที่เคยค้นคว้าข้อมูลของคนก่อนๆที่เคยได้ทุน บางคนก็ไม่ได้ส่ง รศ. ทั้ง 2 ท่าน ก็จะเคสคล้ายๆกัน ทางจีนก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ  สรุปก็ได้ทุนค่ะ เลยสรุปเอาเองว่าไม่จำเป็นถึงขั้นต้องไปวิ่งหา รศ.ให้ครบ 2 ท่าน โดยที่อาจารย์เหล่านั้นไม่รู้จักหรือสอนเราจริงแล้วไปให้ท่านแนะนำให้ก็จะแปลกๆ เนอะ ขอให้เป็นอาจารย์ที่รู้จักเราจริง มีคุณวุฒิและสอนตรงกับสาขาที่เราสมัครก็ได้ค่ะ
        อีกอย่างเรื่องของเวลาก็สำคัญค่ะ อยากให้เผื่อเวลาพอสมควรค่ะไม่ใช่ไปหาท่านตอนใกล้ๆวันจะส่ง บรรดาอาจารย์เค้าก็จะยุ่งๆกันพอสมควรนะคะ เห็นใจท่านค่ะ แล้วอย่าลืมนำ Study plan และ/หรือ Research plan ติดไปให้อาจารย์ท่านดูด้วยนะคะ จะได้รู้แนวคิดเราและจะได้นำไปเป็นข้อมูลเขียนหนังสือแนะนำตัวให้เราได้ค่ะ
-          ผลการสอบภาษา เตรียมตัวอ่านเตรียมตัวสอบตั้งแต่เนิ่นๆเลย  เพราะบางอย่างมีรอบสอบและกว่าจะประกาศผลสอบใช้เวลาร่วม 40-50 วัน เดี๋ยวเอามาส่งพร้อมใบสมัครไม่ทัน สำหรับใครที่ได้สนใจเรียนเป็นภาษาจีน แต่ไม่มีความรู้พื้นฐานภาษาจีนเลย ก็ไม่จำเป็นต้องมีผล HSK (สำหรับสาขาที่ไม่ใช่ภาษาจีน ) ถ้าได้ทุนจริงๆ ทางจีนจะมีทุนให้เรียนภาษาจีนก่อน 1 ปีค่ะ ก่อนขึ้นชั้นปริญญา หลายคนยังไม่รู้ภาษาจีนกันสักตัว ก็ยังได้ทุนค่ะ
-          Curriculum vitae (CV)   ตรงนี้ทำเผื่อไว้ก็ดีค่ะ ผลการเรียน  ตลอดจนproject งานต่างๆ ที่เคยทำสมัยเครียน และใครที่ทำงานแล้ว หรือทำงานอยู่เช่นเรา ก็ใส่ผลการทำงานที่ผ่านมา ใบประกาศเกียรติคุณ ประกาศวิชาชีพที่อาจเกี่ยวข้องกับการเรียน ใส่ไปให้หมดค่ะ เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเราค่ะ อาจจะได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นก็ตรงนี้
-          ผลการตรวจร่างกาย  ส่วนมากจะยังไม่ขอค่ะ จะมีบางมหาวิทยาลัยจะขอเลย  ถ้ามหาวิทยาลัยทีเราเลือกสมัครไม่ยังไม่เอาผลตรวจร่างกายก็ยังไม่ต้องตรวจค่ะ เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายด้วย ไว้ค่อยไปตรวจทีเดียวหลังจากได้ทุนแล้ว (สำหรับการตรวจควรตรวจที่ร.พ รัฐบาลค่ะ เห็นหลายๆคนบอกว่าทางจีนยอมรับ ร.พ จุฬาเป็นส่วนใหญ่)  ค่าตรวจที่ร.พ รัฐก็จะไม่เกิน 1,500 บาท รายการตรวจก็จะเป็นไปตามแบบฟอร์ม Physical Examination Record for Foreigner ค่ะ ไปยื่นให้ ร.พ เค้าจะตรวจตามรายการในเอกสารเองคะ
-          Cover & Lists of documents คือ จดหมายนำส่งค่ะ เป็นทางการแปะหน้าเอกสารทั้งหมดที่เราส่งไป ควรมีชื่อที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรเรา ให้ครบเพื่อการสะดวกของทางจีนในการติดต่อเรา  สำหรับ checklist คืออีกอย่างนึงที่บอกเค้าว่าทีเราส่งเอกสารไปน่ะ มีอะไรบ้างและมีอย่างละกี่หน้า 


**เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ** หากใครเตรียมจะยื่นหลายๆมหาวิทยาลัย เพื่อป้องกันการส่งเอกสารไม่ครบหรือง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูล แนะนำให้ทำตารางใน Excel รวบรวมข้อมูลต่างๆไว้ ว่าแต่ละมหาวิทยาลัยต้องการเอกสารใดบ้าง ชื่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรับสมัคร ทั้งเบอร์โทร เบอร์แฟกซ์ email   ที่อยู่มหาวิทยาลัยสำหรับส่งเอกสาร  website มหาวิทยาลัย และที่สำคัญคือ deadline ส่งเอกสารการสมัครค่ะ  ซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้ จะแสดงอยู่ในเว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัย ตอนเราเข้าไปเลือกเราอาจจะเก็บข้อมูลมาทีเดียวเลยเข้า excel ไว้ทีเดียวเลยก็ได้ค่ะ

พอแค่นี้ก่อนคะ คนอ่านคงเหนื่อยแล้ว เยอะแยะมากมายจริงๆ เห็นแล้วท้อ แต่จะบอกว่าอย่าเพิ่งท้อค่ะ เราเองก็เป็นแบบนี้แหละตอนทำเอกสาร แถมมาเริ่มเตรียมเอาตอนเดือนกุมภาพันธ์ และต้องส่งไปถึงเมืองจีนเดือนมีนาคม วุ่นวายมว้ากกกกกขนาดไหนลองคิดดู >,<

5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านในเว็บขั้นตอนการสมัครทุน CSCค่ะ ไม่เข้าใจว่าจะสมัครกับใครค่ะ
    1.Apply to the dispatching authorities for overseas study in your home country for CGS opportunity. It is your own responsibility to consult the dispatching authorities for details and requirements of Bilateral Program in your country and make sure you are eligible for the scholarship.

    ไปสมัครผ่านศุนย์ที่ไหนในไทยหรอคะ

    ตอบลบ
  2. ขอสอบถามว่า ถ้าเราเปลี่ยนชื่อแล้ว เราต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วว ให้ ใครเป็นคนรับรองเรา ค๊ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศค่ะ (แจ้งวัฒนะ)

      ลบ
    2. กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศค่ะ (แจ้งวัฒนะ)

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ4 เมษายน 2559 เวลา 04:52

    รบกวนถามนิดนะคะ Transcripts กำหนดเกรดขึ้นต่ำรึป่าวคะ? แบบต้องได้เท่าๆนี้ถึงขอทุนได้

    ตอบลบ